รูปแบบการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม
Knowledge Management Model Leading to Intellectual Capital in Telecommunication Industry
Abstract
การวิจัยเรื่องรูปแบบการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบรูปแบบการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม 2) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม 3) พัฒนารูปแบบการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมตามสมการโครงสร้าง และ 4) สร้างคู่มือการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม การวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีศึกษาเชิงผสมผสานเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ การศึกษาเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการจัดการความรู้และด้านอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม การศึกษาเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นพนักงานระดับผู้บริหารและระดับผู้ปฏิบัติการในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม และใช้การสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ความเห็นชอบรูปแบบและคู่มือการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณทางสถิติด้วยวิธีการวิเคราะห์แบบจำลองสมการโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมตามสมมติฐานสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ได้รูปแบบการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมตามสมการโครงสร้าง ประกอบด้วย กระบวนการจัดการความรู้ และปัจจัยสำเร็จในการจัดการความรู้ที่มีอิทธิพลทางบวกต่อทุนทางปัญญา และปัจจัยสำเร็จในการจัดการความรู้มีอิทธิพลทางบวกต่อกระบวนการจัดการความรู้ซึ่งมีค่าสถิติทดสอบผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คู่มือการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 บทนำ ส่วนที่ 2 มิติและองค์ประกอบรูปแบบการจัดการความรู้ และส่วนที่ 3 มาตรการส่งเสริมทุนทางปัญญา รูปแบบการจัดการความรู้และคู่มือการจัดการความรู้สู่ทุนทางปัญญาในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมได้รับความเห็นชอบจากผู้ทรงคุณวุฒิด้วยมติเอกฉันท์ในด้านความเหมาะสมในการนำไปใช้
The objectives of the research of Knowledge Management Model Leading to Intellectual Capital in Telecommunication Industry were to: 1) study the components of knowledge management model leading to intellectual capital in telecommunication industry, 2) study the factors influencing the knowledge management model leading to intellectual capital in telecommunication industry, 3) develop a knowledge management model leading to intellectual capital in telecommunication industry, and 4) create a manual of knowledge management model leading to intellectual capital in telecommunication industry. The research applied a mixed method of qualitative and quantitative approaches. Qualitative data were obtained by using in-depth interview with the knowledge management and telecommunication industry professionals and were analyzed by content analysis. Quantitative data were obtained by using the questionnaires with participants working in telecommunication industry and were analyzed by using the structural equation modeling (SEM). Focus-group discussion was applied to confirm knowledge management model and to approve the knowledge management manual leading to intellectual capital in telecommunication industry. The research results indicated that knowledge management model leading to intellectual capital in telecommunication industry based on assumptions was consistent with the pertinent empirical data that the knowledge management processes and the success factors of knowledge management had a positive influence on the intellectual capital in telecommunication industry, and the success factors of knowledge management had a positive influence on the knowledge management processes. The knowledge management manual leading to intellectual capital in telecommunication industry was composed of 3 parts: Part 1: Introduction; Part 2: The dimensions and the model of the knowledge management; Part 3: Guideline for enhancing intellectual capital. The model and the knowledge management manual leading to intellectual capital in telecommunication industry were approved with consensus agreement for the appropriateness in application.
Keywords
DOI: 10.14416/j.kmutnb.2018.01.004
ISSN: 2985-2145